จัดเสวนา ก้าวสู่การปรับตัว:
พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ
How Can We Prepare for Climate Change and Disaster?
ในวันที่ 26 มกราคม 2568

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2568 ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ ดร.มนัส สุวรรณ ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการเสวนาและได้กล่าวปฐมบทเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นซึ่งทุกคนจำเป็นต้องตระหนักและร่วมมือกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความยั่งยืน


สำหรับการเสวนาในครั้งนี้มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบไปด้วย

1)  รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ  มหาวิทยาลัยรังสิต

2)  ดร.สุรัสวดี ภูมิพานิช  สำนักประยุกต์และบริการภูมิสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA)

3)  นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ (ปภ.เชียงใหม่)

โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ ดร.รัชพล สัมพุทธานนท์ ศูนย์ปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีอวกาศภูมิสารสนเทศและวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีแห่งเอเชีย (AiroTEC) มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่


รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นและได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปีพ.ศ. 2567 ที่เกิดสภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้วในครึ่งปีแรกร้อนแล้งในรอบ 125 ปี และฝนตกหนัก น้ำท่วมในรอบมากกว่า 100 – 1,000 ปี ซึ่ง จ.เชียงใหม่ก็ได้รับผลกระทบหนักมากและอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือ ซึ่งการบริหารจัดการภัยพิบัติโดยท้องถิ่นมีความจำเป็นอย่างมาก จะต้องมีหน่วยงานส่วนกลาง อบจ. เทศบาล รวมทั้งมหาวิทยาลัยเข้าไปช่วยเสริมสร้างความรู้และช่วยการดำเนินงาน


ดร.สุรัสวดี ภูมิพานิช  จากจิสด้า ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีและข้อมูลทางภูมิสารสนเทศ และข้อมูลดาวเทียมที่สามารถเฝ้าระวังและติดตามเหตุการณ์ ให้ได้รับข้อมูลได้ถูกต้องรวมถึงการวิเคราะห์สภาพพื้นที่ ซึ่งจิสด้ามีเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญที่จะให้ข้อมูลในแต่ละภัยพิบัติต่างๆ ได้เช่น ไฟป่า ฝุ่นควัน น้ำท่วม ภัยแล้ง อย่างไรก็ตามข้อมูลต่างๆ จะต้องบูรณาการกันหลายหน่วยงานให้สามารถนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม


นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ จากปภ.จ.เชียงใหม่ ได้กล่าวถึงบทบาทของฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยกตัวอย่างโครงการเชียงใหม่ไม่เผา การสื่อสารข้อมูล สร้างการรับรู้ บูรณาการทุกภาคส่วน มีกรอบการดำเนินงานลดความเสี่ยงภัยพิบัติคือ ลด 4 เพิ่ม 3 อย่าง คือ ลดอัตราการเสียชีวิต, ลดจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ, ลดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ และลดความเสียหายต่อสาธารณูปโภคและบริการพื้นฐาน สำหรับเพิ่ม 3 อย่างคือ เพิ่มแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติและท้องถิ่น, เพิ่มการให้ความช่วยเหลือ และเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและข้อมูลความเสี่ยง

camera

ภาพ และข่าว โดย: ทีมประชาสัมพันธ์ ศูนย์ AiroTEC มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่